วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

นางเงือกในวรรณคดีไทย



นางเงือก
เงือกในพระอภัยมณีนั้นอาศัยอยู่ในทะเลลึก เป็นสัตว์ครึ่งคนครึ่งปลา ครั้นมีเรืออับปาง พวกนางเงือกก็ไปฉุดมนุษย์มาเป็นคู่ ทำให้ลูกหลานเงือกต่างรู้ภาษามนุษย์ 
รวมถึงเงือกพ่อเงือกแม่และนางเงือกของพระอภัยมณีก็รู้เช่นกัน สินสมุทรเองยังพิศวงกับรูปลักษณ์ของตัวเงือก ดังปรากฏในบทประพันธ์  ความว่า

เห็นฝูงเงือกเกลือกกลิ้งมากลางชล                 คิดว่าคนมีหางเหมือนอย่างปลา
ครั้นถามไถ่ไม่พูดก็โผนจับ                             ดูกลอกกลับกลางน้ำปล้ำมัจฉา
ครั้นจับได้ให้ระแวงแคลงวิญญาณ์                  เช่นนี้ปลาหรืออะไรจะใคร่รู้
ฉุดกระชากลากหางขึ้นกลางหาด                    แลประหลาดลักษณามีตาหู
จะเอาไปให้พระบิดาดู                                   แล้วลากลู่เข้าในถ้ำด้วยกำลัง
 จะเห็นว่าเงือกของสุนทรภู่นั้นมีความเป็นสากล  และสอดคล้องกับเงือกในทัศนะของชาวตะวันตกอย่างมาก  โดยเฉพาะเงือกที่มีชื่อเสียงซึ่งปรากฏในนิทานเรื่อง The Little Mermaid ของ ฮันท์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน  นักเขียนชาวเดนมาร์กก็มีตัวละครเอกเป็นครึ่งคนครึ่งปลา รูปร่างหน้าตาเหมือนนางเงือกในพระอภัยมณีอย่างชัดเจน
      นักวิชาการบางกระแสกล่าวว่า สุนทรภู่ได้แรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครนางเงือกมาจากการติดต่อพูดคุยกับพวกตะวันตกที่มาค้าขายกับประเทศสยามในขณะนั้น
ซึ่งหากดูตามประวัติแล้ว วังหลังที่สุนทรภู่เคยอาศัยก็อยู่ในบริเวณที่มีการติดต่อการค้า 
     นอกจากนี้ยังมีข้อคิดเห็นส่วนหนึ่งที่เชื่อว่านางเงือกของสุนทรภู่มีต้นเค้ามาจาก ปลาพะยูน เพราะบรรดาชาวเรือในอดีตต่างก็เคยคิดว่าปลาชนิดนี้เป็นเงือกเช่นกัน อย่างไรก็ดี
ไม่ว่าสุนทรภู่จะได้ต้นแบบนางเงือกมาจากที่ใด หรือจะเป็นจินตนาการสร้างสรรค์ของ
ท่านสุนทรภู่เองทั้งหมดก็ตามที แต่เมื่อใดก็ตามที่พูดถึงเงือก เราก็มักจะนึกถึงนางเงือก
ที่มีรูปลักษณ์อย่างในพระอภัยมณีหรือ The Little Mermaid  เสมอ อาจกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า สุนทรภู่ได้สถาปนาภาพนางเงือกไทยในแบบสากลอย่างที่รู้จักกันจนถึงทุกวันนี้
     ภาพดังกล่าวของนางเงือกอาจจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นจากตอนที่พระอภัยมณีได้
ยลโฉมของนางเป็นครั้งแรก  ดังเนื้อความในนิทานที่ว่า

พงศ์กษัตริย์ทัศนานางเงือกน้อย                      ดูแช่มช้อยโฉมเฉลาทั้งเผ้าผมประไพพักตร์ลักษณ์ล้ำล้วนขำคม                             ทั้งเนื้อนมนวลเปล่งออกเต่งทรวงขนงเนตรเกศกรอ่อนสะอาด                                ดังสุรางค์นางนาฏในวังหลวงพระเพลินพิศคิดหมายเสียดายดวง                              แล้วหนักหน่วงนึกที่จะหนีไป

     หากจะเทียบกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่มาเกี่ยวพันกับพระอภัยมณีแล้ว นางเงือกดูจะมีเล่ห์
เหลี่ยมน้อยกว่านางอื่นๆ และยอมยกใจให้พระอภัยมณีเพราะคำหวานหว่านล้อมอย่างที่
ฝ่ายชายถนัด  อย่างไรก็ตาม ความรักของนางเงือกนั้นอาจถือได้ว่าเป็น รักสนองคุณ
เพราะพระอภัยมณีนั้นมีบุญคุณที่ไม่ทำร้ายพ่อเงือกเมื่อคราวพบกันที่ถ้ำนางผีเสื้อสมุทร
 ในครั้งนั้นพ่อเงือกได้ปฏิญาณว่าจะเป็นข้ารับใช้พระอภัยมณีจนสิ้นชีวิต
     โครงเรื่องในลักษณะนี้มักพบเห็นเสมอในนิทานคำกลอนของสุนทรภู่
อาทิเรื่อง โคบุตร ก็มีให้เห็นบ่อยครั้ง เมื่อพระโคบุตรช่วยชีวิตหรือชุบชีวิตใครก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นยักษ์  วิทยาธร  คนธรรพ์  ลิงเผือก  หรือนกกระจาบ ฝ่ายที่ได้รับการช่วยเหลือให้มีชีวิตอยู่ต่อไปต่างซาบซึ้งใจและยอมอยู่ใต้อำนาจของพระโคบุตรทั้งสิ้น แม้ก่อนหน้านั้นจะเคยเป็นศัตรูกันมาก่อนก็ตาม เช่นเดียวกับพ่อเงือกในเรื่องพระอภัยมณี แรกทีเดียวก็คิดว่าตนต้องตายอย่างแน่นอนเพราะถูกลูกยักษ์อย่างสินสมุทรจับตัวมา แต่เมื่อได้พบพระอภัยมณีซึ่งสัญญาว่าจะปล่อยตนกลับไป ก็เท่ากับว่าพระอภัยมณีได้เป็นผู้ช่วยชีวิตตนไว้ ดังนั้นจึงสมควรแล้วที่พ่อเงือกจะยอมตัวเป็นข้าแก่พระอภัยมณี และบุญคุณนี้ยังถือเป็นหน้าที่ของแม่เงือกและลูกเงือกจะต้องร่วมซาบซึ้งและทดแทนด้วยกัน เพราะเหตุนี้เองที่แม้พ่อเงือกและแม่เงือกจะต้องตายไปด้วยน้ำมือของผีเสื้อสมุทรในคราวที่พาพระอภัยหนี แต่นางเงือกก็ไม่ถือโทษโกรธแค้นพระอภัยมณีแต่อย่างใด เพราะถือว่าพ่อเงือกยอมเป็นข้ารับใช้พระอภัยมณีจนสิ้นชีวิต การสูญเสียพ่อและแม่ของนางเงือกจึงเป็นเรื่อง การตายในหน้าที่มากกว่าพระอภัยมณีจะเป็นต้นเหตุนอกจากนั้น  นางเงือกยังต้องรับภาระตกทอดในการรับใช้พระอภัยมณีแทนพ่อกับแม่ที่จากไป  นางเงือกจึงไม่ค่อยมีปากเสียงกับพระอภัยมณีเท่าใดนัก  หน้าที่หลักคือดูแลลูกอย่าง สุดสาคร จนเติบใหญ่และได้ไปออกรบช่วยพ่อในเวลาต่อมา บทบาทของนางเงือกก็น่าสงสารไม่น้อยเมื่อมองด้วยสายตาของคนปัจจุบันเพราะเมื่อจากเกาะแก้วพิสดารไปแล้ว พระอภัยมณีก็ไม่เคยกลับมารับนางตามสัญญา(จะแวะมาเยี่ยมบ้างก็ตอนท้ายเรื่อง) ความสุขของนางยังพอมีอยู่บ้างเมื่อตอนหลังพระอินทร์เห็นใจช่วยตัดหางปลาและให้นางมีขาอย่างมนุษย์ และสุดสาครก็รับไปอยู่เมืองลังกากับลูกๆ หลานๆ ด้วยกันอย่างมีความสุข


อ้างอิง
http://www.aksorn.com/lib/detail_print.php?topicid=375









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น